ลูกชายหมอสุพัฒน์นำจดหมายจากผู้เป็นพ่อจากเรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ระบุพ่อต้องการให้สื่อรู้ข้อมูลอีกด้าน ตำหนิตำรวจตั้งข้อหารายวันไม่เป็นธรรมกับตนเอง ขณะจดหมายร่ายยาว พลิกปมกลับตาลปัตร อ้างพี่ชายปรักปรำหวังได้เงินและสมบัติ....
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้เดินทางมายังเรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี โดยใช้เวลาเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ จนกระทั่งถึงเวลา 12.00 น. จึงได้ออกมาและพูดคุยพร้อมทั้งแจกเอกสารที่ระบุว่าเป็นลายมือของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผู้เป็นพ่อ โดยได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า
"พ่อฝากจดหมายที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่คุณพ่อฝากมา เพราะว่าตอนนี้สื่อนำเสนอข่าวออกในด้านเดียว ก็เลยอยากจะให้รับรู้ในด้านที่ท่านอยากให้รับทราบบ้าง พ่อป่วยเป็นเบาหวานผมต้องนำยามาให้ท่าน ตอนนี้ท่านกังวลเกี่ยวกับเรื่องคดี ซึ่งจริงๆ แล้วพนักงานสอบสวนน่าจะสอบสวน แล้วก็รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อที่จะมาพิสูจน์ว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพนักงานสอบสวนพยายามที่จะรวบรวมและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการแจ้งข้อกล่าวหารายวัน โดยพ่อมองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
ส่วนกรณีที่ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กล่าวตนเป็นผู้ขับรถยนต์ของนายสามารถไป ข้อเท็จจริงทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ตนไม่เคยไปที่ไร่เลย "ผมมีพยานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ก็รอให้รอง ผบช.ภาค 7 เรียกไปให้ปากคำแต่ตอนนี้ไม่เห็นมีการประสานงานเข้ามา และจะไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้มีเอกสารที่พ่อฝากมาให้สื่อทราบ เป็นเรื่องอีกด้านหนึ่งที่ยังไม่เคยนำเสนอและได้จัดทำสำเนาให้กับสื่อที่มา ร่วมทำข่าวในวันนี้ขณะนี้ สำหรับบ้านที่นนทบุรีและที่ในไร่ตนเองไม่เคยไป ส่วน น.ส.วิลสา ก็รู้จักเคยพูดคุยตอนหลังแยกกันอยู่กับพ่อก็เลยไม่ค่อยได้พบกัน"
สำหรับข้อความจดหมายที่นายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ นำออกมาจากเรือนจำกลางเพชรบุรี เพื่อให้สื่อมวลชนในวันนี้ (8 ต.ค.) เวลา 12.00 น. ที่บริเวณหน้าเรือนจำ มีทั้งสิ้น 10 หน้ารวมจดหมายที่เขียนถึง ผบ.เรือนจำด้วย ข้อความระบุว่า การที่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่เชื่อว่า พี่ชายจะนำหมอไปเกี่ยวกับนายสามารถเป็นเรื่องราว เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องขัดใจอะไรที่รุนแรงกับครอบครัวนายสว่าง นายสามารถเลย มีแต่เคยให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับนายสว่างและช่วยเหลือให้บุตรสาวเข้าทำงานใน รพ.ตำรวจ
"สิ่งที่สำคัญ คือ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจาก หมอได้ร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล หากท่านได้ดูคลิปคุณแม่ จะเห็นว่าคุณแม่บอกว่า มันเอาเงินแม่ไปจนหมด ที่ดินก็เอาไปขาย ถ้าขายหมดมันฆ่าแม่แน่ คำพูดทั้งหมดเป็นคำพูดที่แม่พูดถึงหมอ เมื่อหมอไปพบแม่ตามลำพัง คุณแม่มักจะจำชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง หมอจึงได้ไปร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา" จดหมายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ระบุ
เนื้อความในจดหมายยังระบุว่า ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี มีการพาผู้เป็นแม่ไปพิมพ์มือโอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้าน และโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด เป็นเหตุให้ศาลอายัดทรัพย์สินของมารดาทั้งหมด มิให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก ทำให้พี่ชายซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน ต่อมาปี 2545 มารดาพบว่าเงินหมดบัญชี ได้มอบอำนาจให้หมอไปตรวจสอบเงินในบัญชี จึงพบว่า คนรอบข้างได้ยักย้ายถ่ายโอนเงินจากบัญชี มารดาเมื่อทราบเรื่องก็ร้องไห้เสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาลและมอบอำนาจให้หมอดำเนินดคีกับผู้เกี่ยวข้อง แต่เห็นว่าทุกคนล้วนเป็นคนใกล้ชิดจึงแจ้งกับทุกคนว่า พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้ว
ส่วนการที่หมอมีอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นนักกีฬายิงปืน มาตั้งแต่ 2533 ทดสอบอาวุธปืนได้เหรียญทองของตำรวจ นอกจากนั้นยังเป็นประธานกีฬายิงปืน 4 เหล่าถึง 4 สมัย สามารถตรวจสอบได้ การพิจารณาว่าหมอเป็นผู้ผิดโดยจับตัวไปขังคุกไม่ให้ประกัน แล้วแจ้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม หมอพร้อมให้ตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ทุ่มเทความรู้และเรี่ยวแรงเพื่อผู้ป่วยหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรเลือกให้เป็นประธานองค์กรแพทย์จริงหรือไม่
"รู้สึกเสียใจที่ต้องเปิดเผยพฤติกรรมของพี่ชายแท้ๆ แต่เพื่อปกป้องตนเอง ชื่อเสียงที่สร้างมาตลอดชีวิต พี่ชายแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ทำลายน้อง ทำลายหลานแท้ๆ เพื่อให้ได้สิ่งเดียวคือ เงิน" จดหมายระบุ ลงชื่อ นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และขอรับรองว่าเป็นลายมือของนายสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ 8 ต.ค. 2555
นอกจากนี้ ยังมีการนำจดหมายที่อ้างว่าเป็นของ นช.อานนท์ เจริญชอบ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางเพชรบุรี มาแสดงด้วย โดยจดหมายระบุว่า นายอานนท์ มีบ้านพักอยู่ตรงข้ามบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และเป็นเพื่อนกับนายกะลา คนงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ วันที่นายกะลาแขนขาดได้กินเหล้าจนเมาแล้วไปรับจ้างโม่ข้าวโพด มือเลยเข้าไปในเครื่อง หลังไปรักษาหายได้ชักชวนตนไปลักปืนในบ้านหมอ ไปขาย 9 กระบอก และนายกะลาเอาปืนไป 1 กระบอกเป็นปืนลูกซองและเงินส่วนแบ่ง นายกะลาเมาเคยเล่าให้ฟังว่า หลังหลุดคดีฆ่าคนตายออกจากคุกไปหาเมีย พบว่า เพื่อนที่โรงงานว่านหางจระเข้ มาเอาเมียไปข่มขืน จึงยิงเพื่อนตายและแอบเอาไปฝังไว้.
"สิ่งที่สำคัญ คือ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจาก หมอได้ร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล หากท่านได้ดูคลิปคุณแม่ จะเห็นว่าคุณแม่บอกว่า มันเอาเงินแม่ไปจนหมด ที่ดินก็เอาไปขาย ถ้าขายหมดมันฆ่าแม่แน่ คำพูดทั้งหมดเป็นคำพูดที่แม่พูดถึงหมอ เมื่อหมอไปพบแม่ตามลำพัง คุณแม่มักจะจำชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง หมอจึงได้ไปร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา" จดหมายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ระบุ
เนื้อความในจดหมายยังระบุว่า ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี มีการพาผู้เป็นแม่ไปพิมพ์มือโอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้าน และโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด เป็นเหตุให้ศาลอายัดทรัพย์สินของมารดาทั้งหมด มิให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก ทำให้พี่ชายซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน ต่อมาปี 2545 มารดาพบว่าเงินหมดบัญชี ได้มอบอำนาจให้หมอไปตรวจสอบเงินในบัญชี จึงพบว่า คนรอบข้างได้ยักย้ายถ่ายโอนเงินจากบัญชี มารดาเมื่อทราบเรื่องก็ร้องไห้เสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาลและมอบอำนาจให้หมอดำเนินดคีกับผู้เกี่ยวข้อง แต่เห็นว่าทุกคนล้วนเป็นคนใกล้ชิดจึงแจ้งกับทุกคนว่า พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้ว
ส่วนการที่หมอมีอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นนักกีฬายิงปืน มาตั้งแต่ 2533 ทดสอบอาวุธปืนได้เหรียญทองของตำรวจ นอกจากนั้นยังเป็นประธานกีฬายิงปืน 4 เหล่าถึง 4 สมัย สามารถตรวจสอบได้ การพิจารณาว่าหมอเป็นผู้ผิดโดยจับตัวไปขังคุกไม่ให้ประกัน แล้วแจ้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม หมอพร้อมให้ตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ทุ่มเทความรู้และเรี่ยวแรงเพื่อผู้ป่วยหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรเลือกให้เป็นประธานองค์กรแพทย์จริงหรือไม่
"รู้สึกเสียใจที่ต้องเปิดเผยพฤติกรรมของพี่ชายแท้ๆ แต่เพื่อปกป้องตนเอง ชื่อเสียงที่สร้างมาตลอดชีวิต พี่ชายแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ทำลายน้อง ทำลายหลานแท้ๆ เพื่อให้ได้สิ่งเดียวคือ เงิน" จดหมายระบุ ลงชื่อ นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และขอรับรองว่าเป็นลายมือของนายสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ 8 ต.ค. 2555
นอกจากนี้ ยังมีการนำจดหมายที่อ้างว่าเป็นของ นช.อานนท์ เจริญชอบ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางเพชรบุรี มาแสดงด้วย โดยจดหมายระบุว่า นายอานนท์ มีบ้านพักอยู่ตรงข้ามบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และเป็นเพื่อนกับนายกะลา คนงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ วันที่นายกะลาแขนขาดได้กินเหล้าจนเมาแล้วไปรับจ้างโม่ข้าวโพด มือเลยเข้าไปในเครื่อง หลังไปรักษาหายได้ชักชวนตนไปลักปืนในบ้านหมอ ไปขาย 9 กระบอก และนายกะลาเอาปืนไป 1 กระบอกเป็นปืนลูกซองและเงินส่วนแบ่ง นายกะลาเมาเคยเล่าให้ฟังว่า หลังหลุดคดีฆ่าคนตายออกจากคุกไปหาเมีย พบว่า เพื่อนที่โรงงานว่านหางจระเข้ มาเอาเมียไปข่มขืน จึงยิงเพื่อนตายและแอบเอาไปฝังไว้.
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น