วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โจรใต้กราดอาก้าใส่ครอบครัวพ่อค้าซื้อยางตาย1โคม่า2


 


เมื่อเวลา 09.50 น. วันนี้  (15 ต.ค. ) ร.ต.อ.บุญศักดิ์ หนูหมาด ร้อยเวรสภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้ปืนอาก้า  ยิงคนรับซื้อขี้ยางพาราริมถนนในสวนยางพาราบ้านบาโงแยะ หมู่2 ต.ตันหยงลิมอ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วย พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ร.ต.ท.นัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส     ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังตำรวจทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบกองเลือดตกอยู่กระจัดกระจายทั่วบริเวณที่รับซื้อขี้ยางพารา มีปลอกกระสุนปืนอาก้าของคนร้ายตกอยู่บนถนน  9 ปลอก ส่วนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีนำส่งรพ.ระแงะไปก่อนหน้าแล้ว ห่างไปประมาณ 20 เมตร บริเวณถนนสามแยกตัดกับถนนบ้านลูกเขา พบปลอกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ตกอยู่ 5 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาไปตรวจสอบที่รพ. พบศพนายนาเซ อูมา อายุ 32 ปี ถูกยิงด้วยปืนอาก้าที่ศีรษะ  1 นัด ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย นางรอปีอ๊ะ มะดิง อายุ 30 ปี ภรรยานายนาเซ มีบาดแผลถูกยิงที่ลำตัว 2 นัด และนางการาตีนี อูมา น้องสาวนายนาเซ ถูกยิงที่ลำตัว 1 นัด ทั้งคู่อาการสาหัสแพทย์ต้องส่งต่อรพ.นราธิวาสราชนครินทร์
สอบสวนนายอับดุลกอเดร์ อามิฮา รองนายกอบต.ตันหยงลิมอ ทราบว่า ระหว่างนายนาเซ และภรรยารวมทั้งน้องสาวกำลังนั่งคัดขี้ยางของชาวบ้านที่ได้มาขายอยู่นั้น มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจยย.มาจอดโดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้ปืนอาก้าจ่อยิงนายนาเซ 1 นัด ภรรยาและน้องสาวต่างพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่คนร้ายก็ตามไล่ยิงทั้งคู่จนบาดเจ็บนายอับดุลกอเดร์ ซึ่งกำลังกรีดยางพาราอยู่ในสวนละแวกใกล้จุดเกิดเหตุ วิ่งออกมาใช้ปืนพกสั้นขนาด 9 มม.  ยิงใส่คนร้าย 5 นัดซ้อนจึงพากันล่าถอยไป ตนได้เรียกชาวบ้านที่กรีดยางพาราละแวกใกล้กันช่วยกันนำผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่งรพ.ระแงะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี  เพื่อลอบดักสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์รายวัน.

ที่มา เดลินิวส์ 

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตร.บุกแม่สอดสอบพยานพม่าคดี'หมอสุพัฒน์'เพิ่มวันนี้

410175


ผกก.สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เผย พยานยังไม่กล้าบอกเบาะแสฝังศพ 2 ผัวเมีย พร้อมประสานสถานทูต และลุยแม่สอด เพื่อสอบพยานแรงงานพม่าเพิ่มอีกรอบวันนี้
พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตามที่ ทางตำรวจได้ตั้งรางวัลให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสจุดที่ฝังศพ 2 สามีภรรยา จ.เพชรบุรี ที่โยงใยกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ศพละ 50,000 บาท ไปนั้น ล่าสุด ยังไม่มีพยานคนใดมาแจ้งเบาะแส ซึ่งทางตำรวจสืบทราบมาว่า มีชาวบ้านรู้เห็นการฝังศพอยู่ แต่ยังไม่กล้ามาแจ้งเบาะแส เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง คาดว่าอีกระยะหนึ่งพยานจะออกมาแจ้งจุดเอง ส่วนในทางคดี ตำรวจได้ประสานกับสถานทูตประเทศเพื่อนบ้าน ส่งตัวพยานที่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เคยทำงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มาให้สอบสวน โดยตนเอง และพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อสอบพยานคนดังกล่าวแล้วในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีแน่ และอาจจะประสานนำตัวพยานมาไว้ในความคุ้มครองต่อไปด้วย

ที่มา ไอเอ็นเอ็น 

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เด้ง 5 เสือโรงพักโชคชัยช่วยราชการบก.น.4 เซ่นพิษบ่อน



ผบก.น.4 เซ็นสะบัดคำสั่ง เด้ง 5 เสือโรงพักโชคชัย ช่วยราชการ บก.น.4 แล้ว เซ่นพิษบ่อน หลังถูกชุดสืบสวน บช.ก.บุกจับนักพนันในพื้นที่


จากกรณีที่ พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล รองผบก.ปอศ. หัวหน้าชุดสืบสวนบช.ก. นำกำลังตำรวจคอมมานโด 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นตึกแถว 3 คูหาเลขที่ 3/36 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว หลังได้รับแจ้งว่าสถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนัน โดยจับกุมตัวผู้เล่นได้ 71 ราย เงินสด 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังพบโพยพนันฟุตบอลยอดเงินจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งจากการสอบถามผู้คนในละแวกใกล้เคียงทราบว่าบ่อนการพนันดังกล่าว เป็นของเฮียตือ ผู้กว้างขวางย่านโชคชัย 4 และลาดพร้าว เปิดมาได้หลายเดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้(13 ต.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเพียงเบื้องต้นตั้งแต่เมื่อกลางดึกหลังจากที่มีการเข้าจับกุม แต่เนื่องจากวันที่ 13 ต.ค. เป็นวันตำรวจไทย จึงยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมเข้ามา อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงและจัดการไปเลยว่าจะเอาใครมาช่วยราชการ เพราะถือว่านอกหน่วยเข้ามาจับกุม ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าบ่อนดังกล่าวเป็นบ่อนของเฮียตือ ตนไม่ทราบรายละเอียดต้องให้ผบก.น.เป็นผู้ชี้แจง
ด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ 5 เสือ ของสน.โชคชัย มาช่วยราชการที่บก.น.4 เป็นเวลา 30 วัน ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.โชคชัย 2.พ.ต.ท.เทพรัชต์ สกุลมีฤทธิ์ รองผกก.ป. 3.พ.ต.ท.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ รองผกก.สส. 4.พ.ต.ต.บัณฑูร เทพสุวรรณ สวป. และ5.พ.ต.ท.จิรวัฒน์ ยอดกระโหม สว.สส. โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 ไปรักษาราชการเป็นผกก.สน.โชคชัย แทน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รองผบก.น.4 เป็นประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยจะเร่งดำเนินการสืบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

ที่มา เดลินิวส์ 

จี้นศ.ถูกลวนลาม ยื่นกก.สิทธิฯร่วมตรวจสอบอาจารย์ฉาว



มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จี้ นศ.ราชภัฏที่ถูกลวนลาม ยื่นกรรมการสิทธิ์ฯ ร่วมตรวจสอบอาจารย์ฉาว ระบุการสอนบางวิชาอาจเปิดช่องให้อาจารย์ถึงเนื้อถึงตัวเด็กได้ ผู้ปกครองควรเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด …

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ได้ก่อเหตุลวนลามนักศึกษา ว่า ต้องชื่นชมความกล้าหาญของนักศึกษาที่ออกมาตีแผ่ข้อเท็จจริง ซึ่งพลังนักศึกษามีส่วนสำคัญในการนำคนผิดไปสู่การลงโทษ ส่วนที่เกรงว่าเหตุเกิดนานแล้วอาจจะมีผลให้อายุความในการดำเนินคดีทางอาญา ต่อผู้กระทำผิดมีอันสิ้นสุดนั้น เท่าที่ทราบคดีลวนลามมีอายุความไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งสามารถแยกเป็นกลุ่มที่ขาดอายุความก็กันเป็นพยานได้ ส่วนกลุ่มที่ยังอยู่ในอายุความก็เป็นโจทก์แจ้งความดำเนินคดี อยู่ที่ว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มกี่ราย นอกจากนี้ในทางวินัยสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลาจนกว่าผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษ อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำให้นักศึกษาได้ยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านเด็ก สตรี และความเสมอภาคของบุคคล เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวคู่ขนานไปกับการดำเนินคดีของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและการสอบวินัยของทางสถาบันการศึกษา

น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้รับการร้องเรียนจำนวนไม่น้อยถึงพฤติกรรมการลวนลาม การกระทำอนาจารของครูบาอาจารย์ หรือแม้แต่ระดับผู้บริหารกับลูกศิษย์ทั้งระดับประถมมัธยม จนถึงอุดมศึกษา และไม่เฉพาะกับเด็กปกติ แม้แต่เด็กพิเศษที่มีความบกพร่องทางร่างกายก็ถูกกระทำเช่นกัน ส่วนใหญ่ผู้กระทำเป็นผู้ที่มีอำนาจ หรือมีผลต่อการให้คะแนนหรือเกรดเด็ก ทำให้ผู้ถูกกระทำไม่กล้าที่จะฟ้องร้องใคร โดยเฉพาะในรายวิชาที่ต้องมีการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว เช่น การเรียนว่ายน้ำ วิชานาฏศิลป์ เป็นต้น ทำอย่างไรที่จะให้พ่อแม่ผู้ปกครอง และสถาบันการศึกษาสอนให้เด็กนักเรียนนักศึกษามีทักษะในการปฏิเสธหากรู้ว่า กำลังถูกละเมิด และเมื่อเหตุขึ้นจะวิธีป้องกันอย่างไรหรือสามารถบอกใครได้ ที่สำคัญเรื่องจรรยาบรรณความเป็นครูที่มีการละเมิดต่อเด็กนั้น กระทรวงศึกษาธิการต้องมีมาตรการดำเนินการขั้นเด็ดขาด จริงจัง ไม่เช่นนั้นก็จะอาศัยความเป็นครูกระทำต่อศิษย์โดยไม่เกรงกลัว.

ที่มาไทยรัฐออนไลน์ 

จับอดีตทหารจีนค้ายาบ้าเกือบ2ล้านเม็ด





จับอดีตทหารจีนค้ายาบ้าเกือบ2ล้านเม็ด

ตร.ภ.7 ร่วม ตร.กระทุ่มแบน บุกจับ "อดีตทหารจีน" พร้อมยาบ้า 2 ล้านเม็ด อีกรายรวบ "เจ๊กล้วย บ้านฉาง" ค้ายาบ้าในสถานศึกษา ขณะที่ สภ.สะเดาจับ 2 มาเลย์ขนผงขาว 2 กก. ด้านสภ.ศรีราชา จับเอเยนต์ค้ายาบ้า-ไอซ์

          กลางดึกที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นทาวเฮ้าส์2 ชั้นเลขที่ 88/1437 ม.ศิวารัตน์ 3 ม.5 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบนางปันปาน สัญชาติพม่า อายุ 22 ปี พร้อมพวกประกอบด้วย นายไก่ แซ่จัง ,นายต้นอ้อ ไม่มีนามสกุล รวม 3 คน อยู่ภายในบ้าน จึงได้แสดงตัวและทำการจับกุมและตรวจค้น พบของกลางยาบ้า 1,784,000 เม็ด อยู่ในลังกระดาษสีน้ำตาลซุกซ่อนอยู่บนชั้น 2 ของทาวเฮ้าส์ หลังจากที่ได้ติดตามจับกุมนายชงหัว หรือเอก แซ่จู อายุ 36 ปี เครือข่ายยาเสพติดใหญ่ระดับชาติ ได้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาพร้อมเงินสดมากกว่า 40 ล้านบาท และรถยนต์กระบะ4 ประตูยี่ห้อมิตซูบิชิ สีนำเงิน-เทา หมายเลขทะเบียน ฌน. 3233 กรุงเทพฯ ขณะกลับจากส่งยาบ้าที่ห้างสรรพสินค้าโลตัสศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
  เบื้องต้นนายชงหัว หรือเอก ได้รับสารภาพว่ายังมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในทาวเฮ้าส์หลังดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนพานายชงหัว หรือเอก เข้าทำการตรวจค้นภายในทาวเฮ้าส์หลังดังกล่าว 
          บริเวณหน้าทาวเฮ้าส์หลังดังกล่าว ได้มีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านและบ้านใกล้เคียงได้แห่กันออกมามุงดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกันอย่างหนาแน่น นับร้อยคน เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกันชาวบ้านออกไป พร้อมกับปิดประตูรั้วห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพขณะที่มีการนับของกลางเงินสด และยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
          ต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผบก.ศสส.ภ.7 ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.ชยาฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.ชัยชาญ ปุราธนานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร เพื่อทำการสอบปากคำเบื้องต้นและประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 มาทำการตรวจยาบ้า ที่พบว่าเป็นอย่างไร มีความเข้มข้นของมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นแวน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ภค. 2319 กรุงเทพฯ ส่งยังสภ.กระทุมแบน
          พร้อมกับนำรถยนต์กระบะ 4 ประตูของผู้ต้องหามาทำการบรรทุกลังที่บรรจุยาบ้า และเงินสดออกไปโดยไม่ยอมแจ้งยอดเงินที่ตรวจยึดได้ให้สื่อมวลชนทราบแต่อย่างใด แต่สุดท้ายนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าไม่มีเงินสดของกลางแต่อย่างใด ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวไว้ว่าได้มีการตรวจยึดเงินสดของกลางเป็นจำนวนหลายสิบล้านบาท
          จากแหล่งข่าวชุดสืบสวนจับกุม เปิดเผยว่า นายชงหัวหรือเอกนั้นอดีตเคยเป็นทหารจีนและการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ได้ครั้งนี้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ปส.ได้ส่งข้อมูลของนายชงหัวหรือเอก ให้ทราบว่า นายชงหัวหรือเอกน่า จะมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้ติดตามดูพฤติกรรมของนายชงหัวหรือเอก เป็นเวลาหลายวัน และพบว่านายชงหัวหรือเอก ได้เดินทางขึ้นเหนือก่อนที่จะขับรถกลับลงมารับ-ส่งของกันที่ตลาดไทย ก่อนที่จะนำยาบ้าจำนวน 2 แสนเม็ดมาส่งให้กับลูกค้าบริเวณลานจอดรถโลตัสศาลายา โดยได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ แล้วจะมีผู้มานำยาบ้าออกไปส่งลงสู่ภาคใต้อีกที เช่นเดียวกับการนำยาจากภาคเหนือลงมาก็จะมีการขับรถไปจอดทิ้งที่ตลาดไทย เพื่อรอให้เครือข่ายมารับยาไป โดยแต่ละครั้งจะรับ-ส่งกันจำนวน 11 ลัง และที่ผ่านมาทำมาแล้วถึง 2 ครั้ง
          เพื่อนบ้านรายหนึ่งบอกว่า ผู้ต้องหาได้มาเช่าทาวเฮ้าส์ หลังดังกล่าวเพียงไม่นาน และเพิ่งเข้ามาอยู่ได้เพียง 3 วัน และจากการสังเกตจะพบว่า มีคนแปลกหน้าเข้าออกบ้านนี้หลายคน และล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 02.00น.ของคืนวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้ขับรถถอยหลังเข้าบ้าน ก่อนที่จะมีการขนของบางอย่างที่บรรจุอยู่ในลังผลไม้ออกไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นยาเสพติดจำนวนมากดังกล่าว




รวบ"เจ๊กล้วย บ้านฉาง" เจ้าแม่ค้ายาบ้าเครือข่ายแก๊งค้ายาในสถานศึกษา
          วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. นายภวัต เลิศมุกดา นายอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย นายชวัฒน์ เทพทัพ ปลัดฝ่ายความมั่นคง และกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) ร่วมกันวางแผนล่อซื้อจับกุม น.ส.จันทนีย์ หรือ "เจ๊กล้วย สายบุญหล้า" อายุ 28 ปี พักบ้านเลขที่ 172/7 ม.5 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่บ้านฉาง พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 5 จี น้ำหนัก 5.05 กรัม ธนบัตรล่อซื้อ 12,500 บาท และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ 1 คัน ได้ที่บริเวณหน้าห้องแถวเช่าเลขที่ 256/66 ม.3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

          สืบเนื่องจากได้ทำการขยายผลจาก นายวันเฉลิม หรืออุ๊ ใคร่ครวญ อายุ 30 ปี นักร้องผับเพื่อชีวิต ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติด ที่ร่วมกับพรรคพวกกระจายเครือข่ายเข้าทำตลาดยาบ้าในสถานศึกษา ซึ่งให้การซัดทอดโยงใยถึง น.ส.จันทนีย์ หรือ "เจ๊กล้วย" เจ้าแม่ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง จึงวางแผนให้ นายอุ๊ เป็นสายลับโทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อไอซ์  ก่อนมาจนมุมถูกจับตัวพร้อมยาไอซ์ ขณะขี่รถจักรยานยนต์นำมาส่งมอบให้กับสายลับ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดที่นำมาจำหน่าย ได้ติดต่อทางโทรศัพท์สั่งงานผ่านผู้ต้องขังคดีค้ายาเสพติดเรือนจำระยอง ก่อนจะมีคนนำมาวางตามจุดต่างๆ และเงินที่ได้จะถูกโอนผ่านทางบัญชีธนาคารที่จะมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของบัญชีอยู่ตลอดเวลา

          นายภวัต เลิศมุกดา นายอำเภอสัตหีบ เปิดเผยว่า ผลการจับกุมตัว น.ส.จันทนีย์ หรือ "เจ๊กล้วย สายบุญหล้า" เจ้าแม่ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ถือเป็นตัวการใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง กระจายเครือข่ายนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในสถานศึกษามอมเมาเยาวชน โดยก่อนหน้าสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 5 ราย พร้อมอาวุธปืน และยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการตัดตอนเครือข่ายยาเสพติดที่มีผู้บงการใหญ่อยู่ในเรือนจำจังหวัดระยอง ล่าสุด เตรียมประสานไปทางกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการติดตามจับกุมตัวการใหญ่รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบ 2 มาเลย์ ลอบขนผงขาว 2 กก.มูลค่า 3 ล.

          พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.สะเดา พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ แสงสง่า รอง ผกก.ป.สภ.สะเดา พ.ต.ต.การุณ ลิมปิโรจน์ สวป.สภ.สะเดา นำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง สนธิกำลังร่วมกับอาสาสมัครตำรวจชุมชน เข้าจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติชาวมาเลเซีย ได้ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายวอง ซอย เมง อายุ 48 ปี และ นายลี เคท ลี อายุ 34 ปี ขณะลักลอบขนเฮโรอีน น้ำหนัก 2.4 กก.มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท มากับรถยนต์เก๋งยี่ห้อแคลซิล สีขาว ทะเบียน KBG 8705 โดยใส่ถุงกระดาษซุกซ่อนไว้บริเวณห้องเครื่องใต้ฝากระโปรงหน้ารถ 
          สอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า เฮโรอีนทั้งหมดถูกส่งมาจากชายแดนทางภาคเหนือของไทย ก่อนที่ทั้งสองคนจะขับรถไปรับมาจากพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เตรียมนำส่งให้กับลูกค้าที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ และส่วนหนึ่งจะลักลอบนำเข้าไปขายในประเทศมาเลเซียด้วย 
          ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจะได้ทำการขยายผลจากสองผู้ต้องหา เพื่อจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เหลือของแก๊งนี้ต่อไป

บุกจับเอเยนต์ยาบ้ายึด 1,008 เม็ด ยาไอซ์ 1.20 ก.

          พ.ต.อ.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผกก.สภ.ศรีราชา , พ.ต.ท.กฤศณัฎฐ์ ธนศุภณัฎฐ์ รอง ผกก.ป. , พ.ต.ท.สุวิจักขณ์ เรืองนวมดี สวป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรศรีราชา ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายขวัญชัย หรือบิ๊ก รุ่งระวิ อายุ 23 ปี อยู่ที่ 48 หมู่ 3 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา เอเยนต์ค้ายาบ้าพร้อมยาบ้า 1,008 เม็ด และยาไอซ์ 1.20 กรัม หลังจากที่ พ.ต.อ.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผกก.สภ.ศรีราชา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจพื้นที่กวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ได้รับแจ้งจาก สายลับว่าจะมีการส่งยาเสพติดกันบริเวณที่จอดรถอพาร์ทเม้นท์ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบและซุ่มรอก็พบนายขวัญชัย ขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีขาว ทะเบียน คยม 564 ชบ. เข้ามามีท่าทางพิรุธต้องสงสัยและมีอาการลุกลี้ลุกลน
          เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ได้เรียกให้หยุดแล้วแสดงตัวขอตรวจค้นก็พบยาบ้าจำนวน 4 ถุงๆ ละ 50 เม็ดรวม 200 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้ารถจักรยานยนต์คันที่ผู้ต้องหาขับมาแล้ว ขยายผลไปตรวจสอบที่ห้องพักในอพาร์ทเม้นท์ของนายขวัญชัย ผู้ต้องหา ก่อนจะพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในลิ้นชักตู้เก็บของในห้องพักอีก 4 ถุง จำนวน 808 เม็ด และยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 1.20 กรัม เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ซึ่งนายขวัญชัย ให้การรับสารภาพว่า ของกลางยาบ้ายาไอซ์ทั้งหมดเป็นของตัวเองจริง ซึ่งได้โทรสั่งแล้วไปรับยาบ้ามา จากนายบอย ไม่ทราบชื่อจริง พักอาศัยอยู่แถวชากค้อ แล้วนำมาจำหน่ายให้กับวัยรุ่นและเยาวชน และนักท่องเที่ยวรวมถึงหญิงบริการตามสถานบริการในพื้นที่ศรีราชาและหนองขามมานานแล้ว ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ได้ในที่สุด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายขวัญชัย ว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า , ยาไอซ์) ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิด กฎหมายแล้วคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา คมชัดลึก 


วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตามรวบ3คนร้ายขนยาไอซ์ 62 กิโลกรัม





ตร.ร่วมกับปปส.ตะครุบ 3 คนร้ายค้ายาไอซ์ได้พร้อมของกลาง 62 กิโลกรัม เผย คนร้ายขับรถขนแล้วประสบอุบัติเหตุแล้วหลบหนี ก่อนจะย้อนกลับมาหายาไอซืเจอตำรวจดักซุ่มรวบได้ทันควัน วันนี้ ( 11 ต.ค.) ที่เมืองทองธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1. พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ได้จับกุมตัวแก๊งค้ายาเสพติด 3 ราย ชื่อ 1. นายจะสือ จะแล อายุ 33 ปี นายจะนู จะอือ อายุ 39 ปี และนายชาตรี ปรีชามิตรกูล อายุ 25 ปี พร้อมด้วยของกลางเป็นยาไอซ์จำนวน 62 กิโลกรัม โดย พล.ต.ต.สมิทธิ ได้เปิดเผยว่า การจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุรถกระบะ เชียงราย เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณ ถ.เลียบคลองสอง หน้าวัดแสงสรรค์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี ซึ่งในวันนั้นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะได้หลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการยึดรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุนั้นไปไว้ในที่เก็บของกลางภายในซอยบงกฎ 89 จากนั้นเมื่อคืนวันที่ 9 ตค.ที่ผ่านมานั้น ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เข้ามาในจุดที่เก็บของกลาง และมีการรื้อค้นเอาสิ่งของภายในรถยนต์กระบะ แต่เอาไปไม่ได้ เพราะสุนัขที่เฝ้าอยู่ได้ส่งเสียงดัง ทำให้กลุ่มคนร้ายพากันหลบหนีไปก่อน และเมื่อทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า กลุ่มคนที่มารื้อค้นสิ่งของนั้นได้น้ำสิ่งของในรถไปวางซุกซ่อนไว้ในพงหญ้าใกล้ๆกัน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและพบว่าสิ่งของในถุงขยะสีดำจำนวน 5 ถุงนั้นเป็นยาไอซ์ ซึ่งเมื่อทราบดังนั้นจึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเฝ้าคอยสังเกตการณ์เพื่อจะจับกุมกลุ่มคนร้ายทั้งหมด ต่อมาเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันนี้กลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง โดยขับรถยนต์เก๋ง เข้ามาในซอยและตรงเข้ามายกถุงยาไอซ์ที่ซุกซ่อนไว้ขึ้นรถเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มรออยู่จึงได้แสดงตัวและเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ได้ ซึ่งจะได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ที่่มา เดลินิวส์

รวบแม่บ้านฝรั่งค้ายานรกหาเงินล้างหนี้











วันนี้ ( 11 ต.ค.) พล.ร.ท.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้สั่งการให้นาวาเอกคมพันธ์ อุปลานนท์ ผู้อำนวยการยุทธการและการข่าว นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด วางแผนล่อซื้อจับกุมตัว นางสำนวล หรืออึ่ง ศรีสุโข  อายุ 44 ปี อาชีพ แม่บ้านบ้านฝรั่ง พักบ้านเลขที่ 167/1 ม.1 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ข้อหา มียาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ของกลางยาบ้า 50 เม็ด และธนบัตรล่อซื้อ 8,000 บาท
สืบเนื่องจาก ได้รับแจ้งจากฝ่ายข่าวว่า ผู้ต้องหา ลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายในเขตพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จึงได้ออกหาข่าวจนสามารถจับกุมเครือข่าย ก่อนทำการวางแผนล่อซื้อจับกุม ได้ที่บริเวณสนามเทนนิส แฟลตส่วนกลางฐานทัพเรือสัตหีบ เบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่า เหตุที่ต้องลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายในค่ายทหาร เพราะติดหนี้สินนอกระบบ จึงต้องประกอบอาชีพเสริม ด้วยการค้ายาเสพติด เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงอยู่อย่างไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน

ที่มา เดลินิวส์